30 ม.ค.2567 น.ส.ศุภมาส อิวรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงการย้าย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ล่าสุด ได้คุยกันชัดเจนว่า อุเทนถวายต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล คือย้ายไปยังวิทยาเขตใหม่ เพื่อลดความรุนแรงในการปะทะที่จะเจอกัน และต่อไปตำรวจจะเป็นเจ้าภาพนัดคุยกับทุกหน่วยงานเพื่อเริ่มแผนการจัดช่วงเชื่อมต่อ (Transition Plan)

เมื่อถามว่าทางโรงเรียนหรือศิษย์เก่ายินยอมจะย้ายหรือไม่ น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า เขายินดีปฏิบัติตามกฎหมายที่ออกมา แต่เขามองว่าต้องใช้เวลา ไม่สามารถย้ายในชั่วข้ามคืนได้ แผนอาจจะช้าหน่อย ก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้น จำนวนนักเรียนไม่ได้เยอะไม่ถึงพันคน ก็ไม่ยากมากจนเกินวิสัยที่จะเร่งแผนในการย้ายได้

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทุกคนต้องตระหนักว่า มันลุกลามใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนต้องให้ความร่วมมือ โดยตำรวจเข้ามาช่วยเต็มตัวในการป้องกันและระงับเหตุ ทางมหาวิทยาลัยแถวนั้นเอง ทางสถาบันก็ห่วงชีวิตนักเรียน ฉะนั้น ทุกคนยินดีให้ความร่วมมือ เพราะเดี๋ยวจะมีการรับเด็กใหม่ มีการรับน้อง มีเรื่องเก่าๆ ที่เกิดขึ้นทุกปีเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น จะพยายามไม่ให้ไปถึงตรงนั้น

กรณีมีศิษย์เก่าส่วนหนึ่งปลุกระดมไม่ให้ย้ายวิทยาลัย น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า ก็มีข่าว แต่ศิษย์เก่าที่เข้ามาประชุมในรูปแบบคณะกรรมการก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ได้บอกว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน ขนย้าย และเตรียมตัวให้มีสถานที่ใหม่รองรับ

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีแผนรับมือกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการย้ายอย่างไร น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า ตำรวจได้เตรียมทำหน้าที่เต็มที่ในการป้องกันภัยและการดูแล ซึ่งจะมีวันครบรอบวันสถาปนา เร็วๆ นี้ จะต้องดูกันให้ดี ไม่ให้มีคนโดนลูกหลงอีก

“ได้มีกรอบเวลา แต่ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างน้อยต้องไม่รับเด็กปีหนึ่งใหม่แล้ว ไม่งั้นจะแก้ปัญหาไม่ได้ เพียงแต่หากมีใครมาประท้วง ตำรวจเตรียมพร้อมมาดูแล ให้เกิดความนุ่มนวล หาข้าวหาน้ำ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์ เด็กส่วนใหญ่ที่มาประท้วงก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก มาตามระบบ ตามหน้าที่ เราจึงต้องใช้ความนุ่มนวลไม่ให้เกิดการปะทะกัน”

เมื่อถามว่าจะดำเนินการจบในรัฐบาลนี้หรือไม่ นส.ศุภมาสกล่าวว่า ก็ควรจะ เพราะถ้างดรับเด็กปีหนึ่งคงจะย้ายง่ายขึ้น และเมื่อไม่ได้ปะทะกันซึ่งหน้า โอกาสจะเกิดความรุนแรงก็น้อยลง เนื่องจากไม่ได้เจอกัน “ส่วนเรื่องการงดรับนักศึกษาปีหนึ่งนั้น เป็นคำสั่งของรัฐมนตรี ไปยังอธิการบดีแล้ว ก็เป็นอำนาจของอธิการบดี และต้องดูกฎหมาย ถ้ากฎหมายทำได้ งบประมาณต่างๆ ที่ส่งไปให้อุเทนถวาย ก็ต้องพิจารณาว่าถูกระเบียบหรือไม่ หากมีคำสั่งแบบนี้แล้ว ต้องรอดูว่าอธิการบดีจะทำตามคำสั่งรัฐมนตรีหรือไม่”